Lost Horizon (1937)

.

รีวิวหนังแนวปรัชญายูโทเปียที่สร้างแรงบันดาลใจ, Lost Horizon (1937) เป็นหนึ่งในหนังขึ้นชื่อของผู้กำกับคลาสสิคยุคทอง, Frank Capra โดยหนังเล่าเรื่องของทูตใหญ่นายหนึ่งที่ถูกลักพาตัวขณะปฏิบัติหน้าที่ เครื่องบินของเขาถูกไฮแจ็คและพลัดตกลงไปยังดินแดนที่ห่างไกล และที่แห่งนั้นเปลี่ยนชีวิตเขาตลอดกาล นำแสดงโดย Ronald Colman, Jane Wyatt, และ Thomas Mitchell เป็นต้น

Lost Horizon (1937) เล่าเรื่องราวชีวิตของ Robert Conway (Ronald Colman) ทูตอังกฤษที่ได้รับคำสั่งให้อพยพคนขาวออกจากประเทศจีนที่กำลังเกิดสงครามวุ่นวายภายใน เมื่อมั่นใจว่าทุกคนปลอดภัยเขาจึงเดินทางขึ้นเครื่องบินลำสุดท้ายพร้อมๆกับผู้โดยสารอีกจำนวนหนึ่ง แต่แล้วเครื่องบินลำนี้ได้วิ่งออกนอกเส้นทางไปยังดินแดนลับยูโทเปียที่ถูกขนานนามว่า ‘แชงกรีล่า’ ทูตใหญ่หลงรักสถานที่แห่งนี้เพียงแต่ด้วยความที่ดีจริงเกินจริงจึงทำให้เกิดความสงสัยถึงการมีอยู่จริงของแชงกรีล่า

____________________________________

หนังเรื่องนี้พูดถึงการมีโอกาสที่สองเพื่อแก้ไขอดีตที่ผิดพลาด หรือยังไม่บรรลุเป้าหมาย การเดินหน้าหาพื้นที่ที่ใช่สำหรับตัวของคุณเอง Lost Horizon เป็นหนังที่ทำให้เรารู้สึกไม่จบตามหนังไปด้วย มันช่างอิ่มเอมหัวใจสุดๆ คอนเซ็ปต์ความเป็นเมืองแชงกรีล่าอยู่ในจุดที่โลกแห่งความเป็นจริงไม่มีวันไปถึง หนังสร้างแรงบันดาลใจสำหรับการมีความหวังใหม่ในวันข้างหน้าและยืนหยัดตามเป้าหมาย และเพื่อให้นครลับแห่งนี้น่าอยู่, การจัดองค์ประกอบศิลป์ก็เป็นหนึ่งในหัวใจหลัก อาคารสถาปัตยกรรมของตัววัดซึ่งเป็นสถานที่พักอาศัยของตัวละครนั้นคือไฮไลท์เด็ด ถูกดีไซน์ออกมาในแบบ Streamline Modern และภายหลังได้ถูกสร้างเลียนแบบออกมาเป็นแมนชั่นชื่อ The Harry Huffman Mansion อยู่ที่เมือง Denver ส่วนสถานที่อื่นๆ มีหุบเขา Lucerne และ Ojai, น้ำตก Tahquitz Canyon, ทะเลทราย Mojave, เทือกเขา Sierra Nevada, และหมู่บ้าน Westlake

หนังสร้างจากนิยายในชื่อเดียวกันโดยนักเขียนชาวอังกฤษ James Hilton (1933) ซึ่งตัวของ Frank Capra ได้หยิบมาอ่านในขณะถ่ายทำ It Happened One Night (1934) ผู้กำกับคนเก่งตั้งใจจะหยิบ Lost Horizon มาสร้างในอนาคตโดยตั้งใจแต่แรกว่าจะให้ Ronald Colman มาแสดงนำแต่นักแสดงชายนั้นติดคิวไม่ว่าง Capra จึงเลื่อนไปทำ Mr. Deeds Goes to Town แทน แต่พอถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว Capra ต้องเจอหลากหลายอุปสรรคไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการสร้างที่สูงเกินกว่าที่ตั้งงบไว้แต่แรก ซึ่งต้องใช้เวลาถึงห้าปีกว่าจะได้ทุนคืน สตูดิโอเผชิญปัญหาทางการเงินอย่างหนัก กระทบถึงมิตรสัมพันธ์ระหว่าง Capra และ Harry Cohn เจ้าของสตูดิโอ Columbia Pictures เลยทีเดียว นอกจากนี้ตามที่ Frank Capra, Jr. ลูกชายของเขาเคยให้สัมภาษณ์ในปี 1986 ว่าพ่อของเขาอยากถ่ายหนังเรื่องนี้เป็นภาพสี แต่น่าเสียดายที่ค่าใช้จ่ายในการทำหนังสีนั้นราคาสูงมากๆ และสตูดิโอเกรงว่าทุนสร้างหนังนั้นอาจจะเพิ่มขึ้น ตรงนี้เรารู้เสียดายที่หนังไม่ได้ถ่ายทำเป็นภาพสี เพราะคงต้องออกมาสวยมากแน่ๆ

เราคิดว่า Capra สร้างหนังเรื่องนี้เพราะตัวเขาเองก็อินกับโลกยูโทเปียแห่งความสงบสุข เนื่องจากเจ้าตัวนั้นได้ผ่านสถานการณ์ยากลำบากตั้งเด็กจนโต รวมถึงเคยเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในเมื่อแชงกรีล่าที่แห่งนี้ไม่มีจริงบนโลก เขาจึงบันดาลสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองผ่านม้วนฟิลม์เสียเลย

รู้หรือไม่ว่าตัวหนัง Lost Horizon จะมีช่วงที่ภาพหายไปเป็นบางช่วงซึ่งกินเวลาประมาณ 7 นาที โดยยังมีเสียงสนทนาอยู่ตลอด ตรงนี้ไม่ใช่จุดประสงค์ของผู้กำกับแต่อย่างใด ภาพยนตร์ Lost Horizon ที่พวกเราได้ดูกันอยู่ทุกวันนี้เป็นฉบับครบสมบูรณ์ที่ถูกตกแต่งและแก้ไขมาแล้ว ประกอบด้วยภาพฟิลม์ 125 นาทีและอีก 7 นาทีภาพนิ่งแอนนิเมติก – ซึ่งวิดิโอภาพ 7 นาทีนี้หายไปไหน? ขอเริ่มท้าวความย้อนไปเมื่อปี 1937 ตัวหนังหลังจากถูกแก้ไขอยู่นานก็ตัดออกมาฉบับสมบูรณ์มีความยาว 132 นาที แต่ก็ยังถูกทางค่ายบังคับให้ตัดลดไปอีก 25 นาที เพื่อความกระชับและเพิ่มรอบฉาย ภายสามทศวรรษให้หลังฟิลม์ต้นฉบับเดิมไม่ได้ถูกคัดลอกหรือเก็บรักษาอย่างดีจึงเสื่อมสภาพ พอครั้นอยากจะกู้คืนก็กู้มาได้ไม่หมดเพราะยังเหลือฟุตเทจอีก 7 นาทีที่กู้คืนกลับมาไม่ได้ เลยต้องเสนอเป็นภาพนิ่งในการเล่าเรื่องแทน ส่วนทางด้านเสียงนั้นโชคดีจริงๆที่ไฟล์เสียงสามารถกู้คืนมาได้ครบหมด พวกเรารุ่นหลังจึงสามารถชมภาพยนตร์ฉบับเต็ม

ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก : http://pantip.com/topic/34272828

ภาพที่ถูกนำมาแก้ไขดัดแปลงใหม่ เปรียบเทียบก่อนหลังแก้ไข จากภาพแรกช่องล่างเราจะเห็นรอยเส้นดำบนเสื้อของ Sondra ส่วนภาพที่สอง Chang เล่นหมากรุกนั้นดูมี noise เยอะแยะไปหมดแล้วก็เบลอนิดๆ เพราะภาพก่อนถูกแก้ไขนั้นมันสั่นและเบลอมาก

หนังเรื่องนี้มีจำหน่ายตามร้านค้าออนไลน์พร้อมบรรยายไทย

____________________________________

ตีความแชงกรีล่าผ่านตัวละครและโอกาสที่สอง

Lost Horizon เป็นหนังของคนที่ต้องการโอกาสที่สอง เพื่อแก้ไขอดีตที่ผิดพลาด ล้มเหลว หรือยังไม่บรรลุเป้าหมาย อย่างเช่น Robert Conway ตัวเดินเรื่องหรือเป็นตัวละครที่คนดูอินที่สุด เขาเป็นคนที่ใฝ่หาความสงบมานาน ทำได้แต่เพียงคิดหรือทำอะไรครึ่งกลางๆ ไม่สำเร็จซักอย่างตามที่ Sondra ได้กล่าวเอาไว้  Rob นั้นมีบุคคลิกเหมาะสมแก่การเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเราสามารถรับรู้ได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นสติสัมปชัญญะ รับมือกับปัญหาต่างๆนาๆ และอุดมการณ์ที่เหมาะสมกับการมาดำรงตำแหน่ง High Lama คนถัดไป

Henry Barnard ชายที่ดูภายนอกเป็นคนน่ารัก ชิวๆ อัธยาศัยดี แต่ที่ไหนได้เป็นผู้ร้ายหนีคดี Barnard ได้รับโอกาสที่สองในการแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต และแชงกรีล่าให้โอกาสเขาใหม่อีกครั้ง ในเชิงรายละเอียดตัวละคร, Barnard นั้นใส่แว่นเมื่อต้นเรื่อง พอหลังจากที่เขาเล่าดีตของตัวเองแล้วก็ไม่เคยหยิบแว่นมาใส่อีกเลย บางทีอาจจะเปรียบเหมือนการถอดหน้ากากออก เนื้อแท้ของตัวละครนี้ไม่ใช่คนเลว แค่เป็นคนล้มเหลวและโลภ ตัวละคร Barnard บอกเป็นนัยแก่คนดูว่า แชงกรีล่าแห่งนี้สามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้, และรวมถึงอาชญากรรมสูญหาย

Gloria Stone โสเภณีป่วยหนักใกล้ตาย ไม่ยินดียินร้ายกับการมาเยือนแชงกรีล่า ถึงแม้ปากบอกไม่แคร์แต่ลึกๆแล้วเธอกลับอยากมีชีวิตอยู่ต่อ อย่างไรก็ตามเจ้าหล่อนเริ่มค่อยๆเปิดใจและเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ การล้างหน้าล้างเครื่องสำอางจัดจ้านออกก็คือสัญลักษณ์อีกนัยหนึ่งเหมือนเป็นการเกิดใหม่ จริงๆตัวละครนี้มาแบบ 50:50 ยังไงก็ได้กับการอยู่ที่นี่ เพราะยังไงก็ตาย แต่พอมี Henry Barnard ที่มอบมิตรภาพและความห่วงใยให้ จึงเกิดแรงขับเคลื่อนให้เจ้าหล่อนอยากจะให้โอกาสตัวเองอีกสักครั้ง หนังได้บอกเป็นนัยแก่คนดูว่า แชงกรีล่าแห่งนี้สามารถรักษาคนป่วย และยืดอายุได้

Alexander Lovett นักโบราณคดี เป็นตัวละครที่เห็นได้ชัดว่ามักหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง, จริงจังกับชีวิตและไร้มนุษย์สัมพันธ์ อย่างไรก็ตามตัวละครนี้ค่อยๆเติบโตและหลงรักแชงกรีล่าอย่างหมดหัวใจ โดยเมืองแห่งนี้ทำให้เขารู้จักการทำเพื่อคนอื่น, การแบ่งปัน ตัวละครนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึง แชงกรีล่าคือดินแดนแห่งความฝัน ยอดอุดมคติ ความสุขและใครๆอยากอยู่

มีการใส่รายละเอียดตัวละคร Lovett ผ่านเครื่องแต่งกายและการกระทำที่บ่งบอกให้เห็นถึงการพัฒนาของตัวละครดังกล่าว โดยเมื่อต้นเรื่อง Lovett ใส่เสื้อสีเข้มในถือมีดจากม่านมาถึงที่โต๊ะบ่งบอกถึงการไม่เปิดใจ รู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ภายหลังเมื่อเริ่มหลงรักแชงกรีล่า เขาใส่เสื้อสีที่สว่างขึ้น และมีการเปลี่ยนจากถือมีดเป็นดอกไม้แทน

มีอยู่อีกสองฉากที่เปรียบเทียบให้เห็นความเปลี่ยนแปลงก่อน/หลังของตัวละครนี้ โดยเป็นฉากที่ Lovett ปิดหน้าต่างและตกใจตัวเองในกระจก แต่พอมาครั้งหลังเขาเปิดหน้าต่างออก รวมถึงการยิ้มให้กระจกแสดงถึงความสดใส เปิดใจพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

011

ตัวละครชายนี้อาจจะเป็นคนที่ซวยที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเจ้าตัวไม่ได้อยากมาแต่ถูกมัดมือชก, George น้องชายผู้อยู่ขั้วตรงข้ามกับ Rob ผู้เป็นพี่ชาย เขาไม่เชื่อในโลกยูโทเปียและพร่ำบอกพี่ชายว่าโลกความฝันแห่งสันติสุขนั้นไม่มีอยู่จริง เขาต้องการออกจากดินแดนแชงกรีล่าให้เร็วที่สุด George อาจจะไม่ใช่คนที่ต้องการโอกาสที่สองหรือไม่เปิดรับมัน ดังนั้นเขาเลยต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ

ทางด้านรายละเอียดตัวละคร George ที่ปิดหูปิดตากลับสถานที่แห่งนี้ จึงมักสวมใส่ชุดสูทของตัวเองเกือบทั้งเรื่อง ซึ่งคำตอบชัดเจนว่าที่นี่ไม่ใช่ยูโธเปียสำหรับเขา

ความรักคือตัวแปรหนึ่งที่เข้ามามีอิทธิพลกระทบต่อเนื้อเรื่อง Sondra Bizet หญิงสาวที่ได้หัวใจ Rob คือแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ทูตใหญ่อยากอยู่ที่นี่ต่อไป เธอแนะนำสิ่งต่างๆในแชงกรีล่าแก่เขา แต่ในทางกลับกัน Maria สาวใบหน้าละอ่อนที่จริงๆแล้วมีอายุสูงวัย ยอมแลกทุกอย่างเพื่อความรักแม้กระทั่งชีวิตตัวเอง สำหรับเรา, Maria เป็นตัวละครเด็ดของเรื่อง ถ้าไม่มีเธอหนังจะดูไม่ยิ่งใหญ่ เพราะว่าหลังจากที่องค์ลามะสิ้น Rob ที่กำลังสับสนว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ยังไม่เชื่อว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริงและแชงกรีล่าคือที่ที่ของเขาจริงหรือ ดินแดนนี้ช่างดีเกินไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่อยากอยู่ เขาแค่รู้สึกกลัวในสิ่งที่ไม่รู้มากกว่า อารมณ์แบบบางครั้งเรามองหาหรือต้องการบางสิ่งบางอย่างมานานมาก แต่พอได้สิ่งเหล่านั้นมาตรงหน้า เรากลับรู้สึกไม่มั่นใจว่ามันจะดีกับเราจริงหรือเปล่า ตัวละคร Maria ก็เป็นตัวแปรสำคัญชี้ชัดทำให้ Rob มั่นใจว่าดินแดนแชงกรีล่าคือเรื่องจริงทั้งหมด


การค้นหาตัวละคร High Lama

บทของ High Lama นั้น คืออุปสรรคนึงของ Frank Capra เริ่มแรกเขาต้องการ A.E. Hanson ในวัย 56 ปีอดีตนักแสดงละครเวทีมารับบทนี้ เขาจึงโทรทาบทามแต่ Hanson ก็หัวใจวายเสียชีวิตก่อนมารับสาย ต่อมา Capra เลือก Henry B. Walthall ในวัย 58 ปีมาเล่น เช่นกัน เขาเสียชีวิตก่อนที่จะมีการถ่ายทำ สุดท้ายบท High Lama ตกเป็นของ Sam Jaffe ผู้มีอายุเพียง 45 ปี

008

Capra ใช้เวลาในการถ่าย Sam Jaffe ในบทของ High Lama เพื่อออกมาให้ดูดีที่สุด รวมถึงถ่ายซ้ำแบบเดิมอีกรอบโดยให้ Walter Connolly มาเล่นบทนี้อีกที เนื่องจาก Capra รู้สึกว่าเวลา Jaffe ที่ถูกแต่งเป็น High Lama ดูไม่สมจริงยังดูเด็กเกินไป อย่างไรก็ตาม Connolly ที่ถูกแต่งด้วยหนวดคราวรุงรังนั้นดูไม่ตอบโจทย์เอาซะมากกว่า Capra เลยกลับไปที่แผนเดิมของเขา


ฉากจบสมกับชื่อเรื่อง Lost Horizon และตอนจบที่ถูกถ่ายทำอีกแบบ

014

ในฉากจบของหนังนั้นทำออกมาได้ยิ่งใหญ่สมกับชื่อ Lost Horizon มากๆ เริ่มตั้งแต่ฉากที่ Lord Gainsford พูดกับเหล่าเพื่อนคณะทูตว่า “..Conway นั้นต่อสู้กับพวกยามและหายไปในหุบเขา และก็ไม่มีใครกล้าตามไป และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็น Robert Conway..” Lost Horizon ตีความง่ายๆก็คือหายไปเส้นขอบโลก หรือดินแดนที่อยู่ไกลมากๆ ก็เหมือนกับที่พระเอกหายไปในหุบเขาแล้วและไม่มีใครกล้าตามไป ฉากจบสุดท้ายยิ่งใหญ่เมื่อ Rob เจอยูโทเปียของเขา อย่างไรก็ตามหนังมีฉากจบอีกแบบ ซึ่งทางค่ายต้องการให้ Sondra ออกมารอรับ Rob อยู่หน้าทางเข้าเมือง ถ้าจบแบบนี้คือดูไม่เข้าท่าเลยกลายเป็นว่าเขากลับมาหาผู้หญิงแทน ซึ่งจุดประสงค์ของ Robert นั้นยิ่งใหญ่กว่านี้อีก

____________________________________

ขอบคุณที่อ่านและติดตามค่ะ
Classic Reviewer


ผู้กำกับ

นักแสดง

ใส่ความเห็น