Operation Petticoat (1959)

รีวิวหนังตลกชวนทะลึ่งของกลุ่มทหารราชนาวีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เรื่องราวของกัปตันใหญ่ที่ต้องรับมือปัญหาซ่อมแซมเรือดำน้ำ, ลูกน้องจอมต้มตุ๋นตัวแสบ และกลุ่มสาวพยาบาลสุดสวยแสนวุ่นวาย Operation Petticoat (1959) นำแสดงโดยสองพระเอกหน้าหล่อ Cary Grant และ Tony Curtis และกำกับโดย Blake Edwards

Operation Petticoat (1959) เล่าเรื่องราวของนาวาตรี Matt Sherman (Cary Grant) ผู้ถูกสั่งการณ์ให้มาควบคุมการดูแลซ่อมแซมของเรือดำน้ำ Sea Tiger ที่อู่ต่อเรือประเทศฟิลิปปินส์ เพราะพึ่งถูกทางฝั่งของญี่ปุ่นโจมตีทางอากาศม เขาพยายามจะออกเรือก่อนจะโดนการโจมตีครั้งต่อไปของฝั่งศัตรู และเพื่อรวบรวมจัดหาเข้าของอุปกรณ์ที่ต้องการในการซ่อมแซมและเพื่อออกเดินทางอย่างเร็วที่สุด เขาจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเรือโท Nick Holden (Tony Curtis) ผู้ที่เคยเป็นนักต้มตุ๋น

____________________________________

ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยอิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งตอนนั้นเรือดำน้ำ USS Sealion ถูกจมลงที่บริเวณอู่ต่อเรือ Cavite ประเทศฟิลิปปินส์ และในช่วงเวลากลางคืนของวันที่ 3 พฤษภาคม 1942 ก็ได้รับการช่วยเหลือกู้ภัยจากกลุ่มทหารพยาบาลจากประเทศออสเตรเลีย โดยรวมเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นคล้ายๆกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตัวภาพยนตร์ รวมไปถึงเหตุการณ์หนึ่งที่ตัวละครกัปตัน Sherman ได้เขียนจดหมายส่งไปยังแผนกจัดหาของเกี่ยวกับการขาดแคลนกระดาษชำระแบบอธิบายไม่ได้ ซึ่งทั้งนี้ก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริง จากหลักฐานทางจดหมายของนาวาตรี James Wiggins “Red” Coe ที่ได้ส่งไปยังแผนกหาของที่อู่เรือ Mare Island นอกจากนี้ตัวภาพยนตร์ได้รับการสนับสนุนในการอำนวยการสร้างจากกระทรวงกลาโหมและกองทัพเรือสหรัฐ และถ่ายทำอยู่แถวบริเวณสถานีทหารเรือ Key West, Florida ส่วนฉากหลังสงครามถ่ายทำที่สถานีทหารเรือใน San Diego, California

Operation Petticoat เล่าเรื่องราวย้อนอดีตผ่านความทรงจำตัวละครนำ, Matt Sherman (รับบทโดย Cary Grant) ให้เห็นเหตุการณ์อันแสนวุ่นวายชวนปวดหัวบนเรือเมื่อครั้นที่เขาเคยทำงานประจำการเมื่อหลายปีก่อน แต่อีกนัยก็ยังคงงดงามน่าจดจำเสมอ เราชอบที่หนังเลือกเล่าด้วยวิธีการ flashback เพราะสงครามโลกครั้งที่สองได้จบลงไปเป็นสิบกว่าปีแล้วหลังจากที่หนังเรื่องนี้จะออกฉายในปี 1959 ดูประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ในหนังพอดี ทั้งตัวละครของ Cary Grant และคนดูในสมัยนั้นได้หวนกลับไปในอดีตที่จุดเดียวกัน รวมถึงหลายเหตุการณ์ในหนังก็อิงมาจากเหตุการณ์จริงทำให้คนดูมีจุดเชื่อมโยงร่วมและเข้าถึงตัวหนังได้ง่าย 

Cary Grant ในบทกัปตัน Matt Sherman ถึงจะดูสูงวัยแล้วแต่ก็ยังดูดีคงความมาดเนี้ยบ ทั้งนี้บทบาทดังกล่าวเคยถูกวางตัวไว้ให้เป็น Jeff Chandler แต่พอดีเจ้าตัวติดถ่ายทำหนังเรื่องอื่นอยู่ ต่อมาที่ Bob Hope ได้เซย์โนไป (ภายหลังเขานึกเสียดายอยู่เสมอที่ปฏิเสธ) ส่วนทางด้านนางเอกที่มาประกบคู่กับเขา, Joan O’Brien ผู้รับบทนางพยาบาล Crandal จะมีลักษณะนิสัยตรงกันข้ามกับเขาเลยทำให้คู่นี้มีเคมีเข้ากันแบบแปลกๆ พอสองตัวละครนี้เจอกันทีไรก็จะมีเหตุการณ์ให้เรายิ้มและขำตาม บทดังกล่าวเคยถูก Tina Louise ปฏิเสธ เนื่องจากมองว่ามีฉากตลกลามกเยอะเกินไป ส่วนตัวละครของ Tony Curtis, เรือโท Nick Holden มาในรูปแบบชายเจ้าสเน่ห์แสนกระล่อนแถมยังตลกอีกด้วย โทนี่ดูเหมาะสมกับบท เขาโชว์เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว อีกทั้งสายตาของนักแสดงชายเองก็ดูเจ้าชู้อยู่แล้วเหมาะกับบทเข้าไปใหญ่ ในเรื่องเขาจะชอบนางพยาบาลสาวอีกคน จะเป็นความรักแบบฝ่ายชายตามจีบตามหยอด ทั้งนี้นักแสดงชายเองได้เครดิตสำหรับ Operation Petticoat ไปตั้งแต่เริ่มแรก เพราะเขาเคยเข้าร่วมกองทัพเรือช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สืบเนื่องมาจากตัวเขานั้นอยากเป็นเหมือน Cary Grant, ฮีโร่ของเขาจากภาพยนตร์เรื่อง Destination Tokyo (1943) พอ Curtis กลายมาเป็นดารา เขาเลยเสนอให้ทำหนังที่ Grant ต้องมีบทมองผ่านกล้อง periscope (ที่มองวิวของเรือดำน้ำ) เหมือนกับในหนังเรื่อง Destination Tokyo 

โดยรวมอาจจะดูเป็นหนังเบาสมองเกี่ยวกับทหารเรือในสมัยสงครามโลกที่ดูแล้วยิ้มตาม แต่อันที่จริงหนังก็มีช่วงที่เหล่าทหารทำการรบต่อสู้อยู่ด้วย สิ่งพิเศษในหนังอีกอย่างคือเพลงประกอบซึ่งเป็นผลงานของนักประพันธ์มือทอง, Henry Mancini ภายหลัง Operation Petticoat ถูกนำมาทำเป็นทีวีซีรีย์ในปี 1977 โดยได้ John Astin มารับบทของ Grant และ Jamie Lee Curtis ลูกสาวของ Tony Curtis มารับบทเรือเอก Duran ซึ่งเป็นคนรักของเรือโท Nick Holden ซึ่งเป็นตัวละครของโทนี่ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ ภาพยนตร์มีจำหน่ายในร้านค้าออนไลน์ค่ะ 

____________________________________

ขอบคุณที่อ่านและติดตามค่ะ
Classic Reviewer


นักแสดง

ใส่ความเห็น