Casablanca (1942)

บทวิเคราะห์รีวิวหนึ่งในหนังรักที่ดีที่สุดตลอดกาล Casablanca (1942) เป็นเรื่องราวของชายวัยกลางคนผู้ซึ่งหวนกลับมาเจอคนรักเก่าและสามีเธอท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่ 2 หนังเรื่องนี้ได้รับออสการ์สามรางวัล ได้แก่หนังยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, และบทหนังยอดเยี่ยม นำแสดงโดย Humphrey Bogart และ Ingrid Bergman ในบทความนี้จะเป็นการวิเคราะห์ว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงโด่งดังและควรดูสักครั้งหนึ่งในชีวิต

Casablanca (1942) เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ ประเทศโมร็อกโก Rick Blaine (Humphrey Bogart) เป็นหนุ่มใหญ่ชาวอเมริกันเจ้าของไนท์คลับผู้อพยพถื่นฐานมาปักหลักอยู่ที่คาซาบลังกา วันหนึ่งเขาได้หวนกลับมาเจอคนรักเก่า Ilsa Lund (Ingrid Bergman) พร้อมกับสามี Victor Laszlo (Paul Henreid) ผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายต่อต้าน พวกเขามาที่แห่งนี้เนื่องจากต้องการหาใบผ่านทางไปอเมริกาเพื่อไปสานงานต่อสู้กับเหล่านาซี และสถานที่แห่งนี้เป็นประตูด่านสุดท้าย ยิ่งไปกว่านั้นใบผ่านทางนั้นก็สุดแสนจะหายากและบังเอิญ Rick Blaine ก็มีมันอยู่

____________________________________

ทำไม Casablanca มักเป็นหนังที่ควรดูสักครั้งหนึ่งในชีวิต? หนังเรื่องนี้บอกเล่ามุมมองของความรักที่ไม่ได้จบที่ว่าต้องสมหวัง เหนือกว่านั้นตัวละครเข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไมถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งหนังแฝงศีลธรรมถามคนดูได้อย่างคมคายผ่านตัวละครเอก ว่าเราควรเห็นแก่ความสุขส่วนตัวหรือเพื่อส่วนรวม บทสนทนาสั้นๆ แต่ลึกซึ้ง ความโรแมนติกอบอวลปนกับความเศร้าอยู่ทั้งเรื่อง อีกอย่างเลยคือ เพลง ‘As Time Goes By’ ที่ขับร้องและเล่นเปียนโนโดยเพื่อนรักของพระเอก อธิบายความรู้สึกของ Rick และ Ilsa ฟังเพลินไม่รู้ลืม นอกจากนี้ Casablanca เป็นหนังที่มีอิทธิพล คลาสสิกตลอดกาล ซึ่งหนังนั้นเป็นผลพวงมาจากการสู้กันระหว่าง อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอเมริกาและเยอรมัน (Hollywood ปะทะ Propaganda) โดยทั้งหมดทั้งมวลเริ่มต้นมาจากผลกระทบจากสงคราม บุคคลในวงการจอเงิน ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง ผู้กำกับ ทีมงานต่างๆ ที่โดนเหล่านาซีขับไล่ออกจากยุโรป มาตั้งหลักปักฐานที่อมริกา พวกเขาจึงทำหนังต่อต้านนาซีขึ้นมา ส่วนทางเยอรมันเองก็โปรโมท Propanganda อย่างหนัก (หนังทำมาเพื่อเป็นโฆษณาชวนเชื่อ ปลุกใจคน) และกลายเป็นว่าสองอุตสากรรมนี้ได้กลายเป็นคู่แข่งกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้ยังแสดงถึงความเกลียดชังที่มีต่อกันอีกด้วย แต่ Casablanca ที่ออกฉายในยุคนั้นนับได้ว่าเป็นหนังเรื่องแรกที่นำเสนอเรื่องราวที่แปลกใหม่ เช่น ผลกระทบของสงครามที่ประชาชนต้องเผชิญ, เรื่องราวโรแมนติกของพระนางที่กินใจ และ Curtiz ผู้กำกับและนักแสดงส่วนหนึ่งต่างก็เป็นมีเชื้อสายยิวที่อพยพมาทั้งนั้น เท่ากับเป็นการตบหน้าฮิตเลอร์ไปเต็มๆ

มีการเปรียบเปรยไว้ว่าตัวละคร Rick สะท้อนถึงท่าทีของ America ต่อสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่ Pearl Harbor ถูกโจมตีโดยฝ่ายอักษะเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1941 เมื่ออเมริกาผู้รักสันโดษ ที่เป็นยักษ์หลับมานาน ต้องครุ่นคิดตัดสินใจเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองดีหรือไม่? เหตุการณ์ในหนังคาซาบลังก้าก็น่าจะเผชิญชะตากรรมเดียวกัน Rick ถูกเปรียบเทียบว่าเป็นเหมือนสหรัฐอเมริกา เพราะตัวละครนี้อยู่ท่ามกลางความอลม่านโดยไม่สนใจตราบใดที่ไม่ใช่ธุระของตัวเอง จนอดีตคนรักหวนกลับมาเพื่อขอความช่วยเหลือ หนุ่มใหญ่ตัดสินใจเข้าช่วยเธอและพักพวก นอกจากนี้ในทางเดียวกันผู้คนในเมืองคาซังบลังก้า(ในหนัง) และคนดูสมัยนั้น (ในชีวิตจริง) ต่างเผชิญชะตากรรมเดียวกัน โดยคน(ในหนัง)คาซาบลังก้านั้นคือผู้อพยพจากสงครามที่ต้องการเดินทางออกจากเมืองแห่งนี้แต่พวกเขากับติดแหงก รอหวังจะเป็นผู้โชคดีที่ได้ออกไปรับอิสระ เหมือนกับคนดูที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน เมื่อเขาก็ตกอยู่ในยุคสงครามจริงๆ ทั้งสองฝ่ายอยากหลุดพ้นจากที่ที่เป็นอยู่แบบนี้

Casablanca เป็นภาพยนตร์ที่เขียนสคริปต์ไปด้วยถ่ายทำไปด้วย ทำให้ Ingrid Bergman เองก็แทบไม่เชื่อว่าหนังจะประสบความสำเร็จ อีกทั้งตอนที่เธอแสดงนั้นก็รู้สึกสับสนไม่รู้ว่าตัวละครที่เธอเล่นนั้นต้องหลงรักหนุ่มคนไหนกันแน่ รวมไปถึง Michael Curtiz ตัวผู้กำกับเองก็ไม่ทราบเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงบอกดาราหญิงแก้เขินไปว่า “เล่นแบบกลางๆ แล้วกัน เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าคุณจะสมหวังกับใคร งั้นก็เล่นแบบวางมาดทำตัวคูลคูลไว้” นอกจากนี้ในภายหลังนักแสดงหญิงชาวสวีเดนได้ให้สัมภาษณ์กับทาง CBC ไว้ว่า ในเมื่อยังไม่รู้ว่าหนังจะจบไปในทิศทางไหน ทีมงานแจ้งมาว่าอาจจะต้องถ่ายฉากจบสองแบบนะ แต่พอถ่ายแบบแรกเสร็จก็โอเคเลย ไม่ต้องถ่ายเวอร์ชั่นสองแล้ว พิธีกรเลยแย้มๆ ถามว่า ถ้าให้เลือกระหว่างหนุ่มสองคนนี้จะเลือกอยู่กับใคร เธอตอบมาว่า “โอ้ ฉันอยากอยู่กับ Humphrey Bogart สิ!” (ใครอยากดูคลิปนี้กดที่นี่)

การแสดงของของ Bogart และ Bergman นั้นทำออกมาได้ดีมาก เพียงแค่เขามองตากันก็สื่อถึงอารมณ์รักอาลัยอาวอนได้แล้ว ส่วนนักแสดงสมทบก็ไม่มีใครด้อยกว่าใครเลย ทุกคนทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายมาอย่างดี ออกมาทีไรก็ได้โชว์ซีนของตัวเองแล้วก็น่าจดจำ นอกจากนี้การแคสติ้งหานักแสดง มีข่าวลือว่า Ronald Reagan และ Ann Sheridan เกือบจะมาได้รับบท Rick และ Ilsa ซึ่งทั้งคู่เคยเจอกันมาก่อนในเรื่อง Kings Row อย่างไรก็ตามข่าวลือดังกล่าวไม่มีการรับรองว่าเป็นเรื่องจริง ส่วนทางด้านตำแหน่งผู้กำกับ ตอนแรกวางตัวไว้ให้ William Wyler แต่คิวไม่ว่าง ดังนั้น Hal B. Wallis ผู้สร้างหนังจึงเลือก Michael Curtiz เพื่อนสนิทตัวเองมากำกับแทน

Steven Spielberg ผู้กำกับหนังคนเก่งที่ฝากผลงานคลาสสิคขึ้นหิ้งไว้อย่าง Jaw หรือ Jurassic Park ได้กล่าวชมไว้ว่า Casablanca เป็นหนี่งในหนังดีที่สุดที่เคยดูมา และชม Michael Curtiz ในฐานะศิลปินรุ่นพี่เอาไว้ว่า เขาควรได้รับเครดิตอย่างมากจากหนังเรื่องนี้ จุดเด่นของเขาที่เห็นชัดเลยคือการเคลื่อนกล้องที่ไหลลื่นไร้กระตุก ในขณะเดียวกันที่ตัวละครของเขาก็ขยับโลดแล่นวาดลวดลายอยู่บนจอสี่เหลี่ยมด้วย นอกจากนี้คนที่ได้รับเครดิตจาก Spielberg อีกคนคือ Max Steiner ที่เคยฝากฝังผลงานเพลงประกอบชิ้นโบว์แดงไว้ อาทิ King Kong (1933) หรือจะเป็น Gone with the Wind  (1939) สิ่งที่โดดเด่นเลยเขาสามารถถ่ายทอดเพลงประกอบที่มันตราตึงและติดหูเอาไว้ อย่างเพลงที่ใช้เล่นฉากที่มีนาซี ก็จะเป็นจังหวะแบบฟังแล้วรู้เลยว่าเป็นนาซี หรือจะเป็นฉากดราม่าของพระนางปุ๊บ เพลงของเขาจะถูกปล่อยออกมาพร้อมๆ กับน้ำตาของคนดู

รายละเอียดและการใช้แสงเงาบอกเล่าถึงตัวละคร

Rick Blaine คำว่า Blaine เป็นนามสกุลแถวสก๊อตแลนด์ ซึ่งแปลตามรากภาษาเขาแล้วแปลว่า สีเหลือง ซึ่งสีเหลืองมีความหมายทั้งดีและไม่ดี มันขัดแย้งกันอยู่ในตัว คล้ายๆกับตัวละครพระเอกที่อยู่กึ่งกลางที่ต้องเลือกระหว่างความรักหรือเสียสละ ส่วนคำว่า Rick นั้น น่าจะย่อมาจากคำว่า Richard หรือ Frederick ที่แปลว่าผู้นำที่เงียบสงบหรือโดดเด่น

ตัวละคร Rick ฉีกกฏพระเอกหนัง เขามีบุคลิกที่ดูเท่ห์ขรึม สุขุมนุ่มลึกรักสันโดษ เขาไม่สนใจว่าโลกจะหมุนไปทิศใดตราบที่มันยังไม่เกี่ยวข้องกับเขา ตรงนี้แหละ คือเสน่ห์ที่คนดูเข้าถึงได้ง่าย มีมิติน่าค้นหา มีความซับซ้อน เนื่องมาจากก่อนหน้านั้น พระเอกส่วนใหญ่ มักถูกนำเสนอว่าเป็นคนดีมาก เป็น’ ฮีโร่ ‘ ดีก็ดีเลิศไปเลย มันทื่อๆ ไร้เสน่ห์ หรือว่าไปก็เหมือน Laszlo ที่สุดโต่งไม่ค่อยมีเสน่ห์

ตัวละคร Rick มักถูกนำเสนอ โดยใช้แสงและเงาตัดกันอย่างเห็นได้ชัด สื่อถึงเป็นคนสองนิสัย – หนุ่มในอุดมคติกับจอมถากถาง หรือจะเป็นอยู่ในทางเลือกระหว่างเห็นแก่ตัว หรือ เพื่อส่วนรวมก็เป็นได้เช่นกัน

Ilsa ก็มีแสงเงาตัดกันที่ใบหน้าเช่นกัน ซึ่งสื่อถึงความรักหรือหน้าที่ แน่นอนมีฉากที่ใช้แสงเงากับลูกกรงระหว่างพระนางที่สื่อถึงว่าทั้งสองติดชะงักในรักต้องห้ามนี้ มีใครหลายๆคนชอบหน้าสวยๆของ Bergman ในเรื่องนี้กันทั้งนั้น ผิวของเจ้าหล่อนงดงาม ผุดผ่อง น่าทะนุถนอม สื่อถึงความรักและความหลังครั้งเก่า แม้กระทั่งฉากที่ผิดหวังเสียใจ ยังมีแสงเล็กๆ ส่องที่ดวงตาของเธอ มีประกายวับๆ อยู่เลย

Ilsa Lund – Ilsa เป็นชื่อย่อมาจาก Elizabeth ซึ่งมีความหมายว่ามนุษย์ที่สวยและเป็นเลิศเท่าที่เคยมีมา มีความเชื่อมโยงกับตัวละครของ Ingrid เหมือนกันนะว่าไหม

ส่วนภาพที่ใช้นำเสนอ Laszlo นั้นจะมีแต่แสงเจิดจรัสโชติช่วง สว่างไสวทั่วพื้นผิวบนใบหน้า เปรียบเสมือนความหวังใหม่ แสงนำทางแก่ผู้คนที่อยู่รอบตัวเขา ตัวละครนี้ไม่เคยลังเลที่จะยืนหยัดต่อศรัทธาอันแรงกล้าของตัวเอง

Victor Laszlo ชื่อต้น Victor ค่อนข้างชัดมากว่ามาจากคำว่า Victory ที่แปลว่าชัยชนะ ส่วน Laszlo เป็นชื่อที่มาจากภาษาฮังกาเรียนที่แปลว่า ผู้นำที่เปล่งรัศมีรุ่งโรจน์ ส่วนอีกตัวละครกัปตัน Louis Renault ชื่อต้น, Louis แปลว่า นักรบที่มีชื่อเสียง Renault แปลว่า ผู้ปรึกษา/แนะนำที่มีอำนาจ

Laszlo เป็นฮีโร่ท่ามกลางโลกอันดำมัวมืดและวุ่นวาย ภาพแรกเป็นฉากที่ Rick มีใบหน้าเป็นเงาตรงกันข้ามกับ Victor ที่มีแสงสาดส่องมาที่เขา

ส่วนภาพที่สองเป็นฉากที่ Ilsa กำลังคุยกับ Victor เกี่ยวกับงานและอุดมการณ์ของเขา ซึ่งจู่ๆก็มีแสงสว่างส่องวับมาบนใบหน้าเจ้าหล่อน

“Here’s looking at you, kid.” ประโยคเด็ดสุดคลาสสิกของหนังมีที่มาที่ไป โดยคำว่า Here’s looking at you นั้นเป็นคำพูดเฉลิมฉลองที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วง 1930-40s รวมถึงยังนำมาถูกใช้ตอนเล่น Poker ชี้ผลแพ้ชนะ เวลาไพ่ทุกใบหันหน้ามาที่เราหมด…เสมือนว่าถูกจ้องมองอยู่ ซึ่งประโยคสุดคลาสสิคนี้ไม่ได้อยู่ในบทตั้งแต่แรก Bogart เป็นคนพูดขึ้นมาเอง เนื่องจากระหว่างรอถ่ายทำเหล่านักแสดงได้เล่น Poker กัน โดยที่ Bogart มายืนดูและสอน Bergman เล่นไปด้วย แล้วก็เลยหยิบเอามาใช้ในหนังค่ะ ส่วน Kid นี่ก็เติมเข้ามาให้อารมณ์เด็กน้อย ประโยคนี้ได้พูดสองครั้ง ครั้งแรกที่ Paris และครั้งที่สองในฉากอำลาที่มันสร้างความพีคทางอารมณ์ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนแก่ใจคนดูให้รู้สึกหวนถึงอดีตอันหวานหอมที่ปารีส ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นแปลโดยรวมก็คือการอำลา คล้ายๆ So long, Farewell ส่วน Kid ที่เพิ่มเข้ามาตอนนี้แปลว่าลาจากวัยเด็ก ทั้งเขาและเธอ ลาจากจากสัญญา ตอนนี้พวกเราต่างเติบโตขึ้น เรียนรู้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า

Grammar ของประโยคนี้ก็ไม่ถูกหลักไวยากรณ์ ออกอารมณ์คำแสลง นอกจากจะเป็นพูดสำนวนตอนเล่นไพ่แล้ว ยังออกแนวเฉลิมฉลองในความสวยของ Bergman และดีใจที่ได้มองดูเธอด้วยค่ะ ประโยคเดียวมันเจ๋งมากเพราะสามารถบอกความรู้สึกทั้งอำลา อาลัยอาวร โดยไม่ต้องพูดว่าผมรักคุณ

Casablanca เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่เป็นแค่ที่นำเสนอเกี่ยวกับสงครามอย่างเดียวแต่เป็นฟิล์มนัวร์, ดราม่ารันทด, สารคดี, German Expressionist (ภาพที่มีเงามืด หลอนๆ มีกลิ่นอายความเป็นเซอร์เรียลเหนือจริงประมาณนึง) และแน่นอนความรัก ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าบทหนังเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากในยุคนั้น แถมออกฉายได้ถูกที่ถูกเวลา อะไรๆ มันก็เป็นใจไปหมด ปกติหนังก่อนหน้านี้ พระนางจะสมหวังกัน แต่เรื่องนี้ดึงให้คนดูออกจากโลกลูกกวาด ว่ายังมีอย่างอื่นที่สำคัญกว่า รักแท้ นั่นคือ ความตระหนักในตนเอง

ภายหลังมีการนำ Casablanca มารีเมคเป็นทีวีซีรีย์ถึงสองหน ในปี 1955-56 และ  1983 โดยภาคหลังนี่มีการถ่ายทำไปแล้วถึง 5 ตอน แต่ฉายได้แค่สองตอนก็โดนแคนเซิลไป

เกร็ดเล็กๆ

  • Dooley Wilson ผู้รับบท Sam นักเปียนโนเพื่อนรักของ Rick นั้น จริงๆเป็นมือกลอง และเขาก็เล่นเปียนโนไม่เป็น
  • ฉากซีเคว้นเปิดตัวหนังที่มีแผนที่และเสียงพากย์ที่อธิบายว่าเหล่าผู้อพยพจากสงครามมาที่เมืองคาซาบลังก้าได้อย่างไร ไม่ใช่การกำกับของ Michael Curtiz แต่เป็น Don Siegel ผู้ซึ่งภายหลังผลิตผลงานของตัวเอง เช่น Invasion of the Body Snatchers (1956) หรือ Dirty Harry (1971)
  • เวลา Humphrey Bogart เข้าฉากกับ Ingrid Bergman เขาต้องยืนบนกล่องหรือนั่งบนหมอน เนื่องจากเธอสูงกว่าเขาราวๆ 2 นิ้ว หรือ 5 เซนติเมตร
  • ตัวหนังทั้งเรื่องถ่ายทำในสตูดิโอ ยกเว้นฉากปรากฏตัวของ Major Strasser ซึ่งถ่ายทำที่สนามบิน Van Nuys และคลิปฟุตเทจส่วนน้อยจากปารีส
  • โปสเตอร์ของหนังที่ปรากฏเป็น Bogart ถือปืนนั้น จริงๆแล้ว มันเป็นภาพส่วนหนึ่งในฉากหนังเรื่อง Across the Pacific (1942) โดย Bill Gold ศิลปินโปสเตอร์เป็นคนนำมาวาดประกอบใช้
  • ช่วงก่อนที่หนังจะออกแล่นสู่จอยักษ์ มีข่าวลือว่า Bogart กำลังเรียนภาษาสวีเดนจาก Bergman

ขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจาก
ScreenPrism
Nicolas Lincy

____________________________________

ขอบคุณที่อ่านและติดตามค่ะ
Classic Reviewer


ผู้กำกับ

นักแสดง

ใส่ความเห็น