Captain Blood (1935)

หนังคลาสสิคในแนวแอคชั่น-ผจญภัยย้อนยุค โดยเซ็ตติ้งอยู่ในสมัยช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 ที่สหราชอาณาจักร Captain Blood (1935) เป็นเรื่องราวของหมอหนุ่มกับเส้นทางชีวิตที่พลิกผันกลายมาเป็นโจรสลัด นำแสดงโดยคู่จิ้น Errol Flynn – Olivia de Havilland และยังเป็นการร่วมงานกันครั้งที่ 1 จาก 8 ของทั้งคู่

Captain Blood (1935) เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นประมาณปี 1685 หมอไอริชหนุ่มอนาคตไกล Peter Blood (Errol Flynn) ถูกยัดข้อหาที่ไม่เป็นธรรมในฐานะกบฏและถูกส่งตัวไปขายเป็นทาสที่จาไมก้า ณ ที่นั่นเขาถูกซื้อตัวโดย Arabella (Olivia de Havilland) หลานสาวของนายพล Bishop หมอหนุ่มและเหล่าเพื่อนนักโทษเฝ้ารอวันที่จะมีอิสระจนโอกาสมาถึง พวกเขาสามารถหนีออกมาและกลายเป็นกลุ่มโจรสลัดที่น่ากลัวที่สุดในน่านน้ำ ต่อมา Captain Blood และพรรคพวกต้องเผชิญกับการตัดสินใจครั้งใหญ่เมื่อรู้ว่าฝรั่งเศสจะมาทำสงครามกับอังกฤษ

____________________________________

ในปี 1935 ค่าย MGM มี Mutiny on the Bounty นำโดย Clark Gable พระเอกหัวแม่เหล็ก ทางค่าย Warner Bros. ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน โปรเจค Captain Blood ถูกนำมาปัดฝุ่นรีเมคใหม่หลังจากเคยออกฉายในปี 1924 พร้อมทั้งเปิดตัวนักแสดงนำหน้าใหม่ Captain Blood สร้างมาจากนิยายในชื่อเดียวกันเมื่อปี 1922 โดยมีโครงสร้างหรือบุคคลที่ใกล้เคียงกับเรื่องจริง ทางค่ายได้วางตัว Robert Donat (นักแสดงชายจาก The 39 Steps) เป็นพระเอกเอาไว้แต่ปัญหาสุขภาพเรื้อรังทำให้เขาต้องถอนตัว ค่ายจำเป็นต้องหาเคว้นนักแสดงที่จะมารับบทนำ สุดท้ายมาจบลงที่ Errol Flynn และ Olivia de Havilland ซึ่งเป็นการเลือกของ Jack Warner โดยต้องบอกว่าผู้บริหารจอมแสบคนนี้ใจถึงและมีสายตาที่กว้างไกล เขากล้าที่จะหยิบสองดาราหน้าใหม่โนเนมมาใส่ไว้ในหนังฟอร์มยักษ์ แต่กลายเป็นว่าหนังประสบความสำเร็จรวมถึงเป็นหนังแจ้งเกิดของเขาทั้งคู่อีกด้วย

โดยรวมเป็นหนังที่สนุกมาก ประทับใจหลายๆอย่างในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นพล็อต, การแสดง, คอสตูม, ฉากและบรรยากาศ เหมือนได้เข้าไปอยู่ในอดีต เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน เล่าเข้าใจง่าย ฉากแอคชั่นเต็มไปด้วยความหวือหวาน่าตื่นเต้น Errol Flynn ในบทคุณหมอผู้เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีดูเท่และหล่อมากๆ เขาสวมบาทตัวละครนี้ได้เป็นธรรมชาติแม้ช่วงแรกๆของการถ่ายทำเขาจะมีอาการเกร็งเล็กน้อย แต่ Michael Curtiz ผู้กำกับก็คอยช่วยสร้างความมั่นใจให้เขา ชอบฉากที่ Flynn ต้องแสดงอารมณ์ออกทางใบหน้าเมื่อเจอตัวละครของ Olivia ซึ่งพวกเขาแชร์เคมีที่ลงตัวตั้งแต่ฉากแรกที่เจอกัน กลายเป็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการแจ้งเกิดคู่จิ้นคู่ขวัญแบบไม่ได้ตั้งใจ หรือต้องขอบคุณสายตาอันเฉียบแหลมของผู้บริหารหรือเปล่า ถ้าใครชอบคู่นี้หรืออยากเสพหนังคลาสสิคที่ย้อนยุคไปอีกแนะนำ The Adventures of Robin Hood (1938) อีกเรื่องค่ะ

Captain Blood เป็นหนังที่ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ์ และเป็นการแจ้งเกิดนักแสดงนำหน้าใหม่ ก่อให้เกิดผลงานร่วมกันอีกในหลายๆเรื่องต่อไป นอกจากนี้ยังมี The Son of Captain Blood (1962) หนังภาคต่อของ Captain Blood โดยได้ Sean Flynn ลูกชายของ Errol Flynn มารับบทนำ สำหรับใครที่อยากดูหนังผจญภัยโรแมนติก เรื่องนี้ไม่ควรพลาดเลยค่ะ หนังเรื่องนี้สามารถหาซื้อได้ตามเน็ต มีบรรยายไทยค่ะ

____________________________________

ขอบคุณที่อ่านและติดตามค่ะ
Classic Reviewer


ผู้กำกับ

นักแสดง

ใส่ความเห็น