Duel in the Sun (1946)

รีวิวหนังรัก-ดราม่าตะวันตกสายดาร์ก เล่าเรื่องราวความรักของหญิงสาวลูกครึ่งอินเดียแดงที่ตกหลุมรักสองพี่น้องที่มีนิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว, Duel In the Sun (1946) กำกับโดย King Vidor และนำแสดงโดย Jennifer Jones, Gregory Peck, Joseph Cotten, Lionel Barrymore และ Lillian Gish เป็นต้น จุดเด่นของหนังนอกจากเป็นการรวมทัพนักแสดงชื่อดังพร้อมฉากดราม่าเข้มข้นแล้วยังแอบแฝงค่านิยมผู้หญิงหลังช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย

Duel In the Sun (1946) เป็นเรื่องราวรักสามเศร้าของ Pearl Chavez (Jennifer Jones) หญิงสาวลูกครึ่งชนพื้นเมืองกับพี่น้องบ้าน McCanles ที่เธอเข้าไปอาศัยอยู่ด้วยหลังจากที่กลายเป็นลูกกำพร้าแบบไม่ตั้งตัว หญิงสาวหมายมั่นจะแต่งงานกับ Jesse McCanles (Joseph Cotten) ลูกชายคนโตแสนดีของบ้าน แต่ Lewt (Gregory Peck) ลูกชายคนเล็กที่นิสัยต่างกับพี่ชายสุดขั้วก็หมายตาไว้ที่เธอเช่นกัน เขาดึงเธอสู่รักระทมที่ดิ่งเกินกว่าจะถอนตัว

____________________________________

หลังจาก Gone With the Wind (1939) ได้ขึ้นหิ้งตำนานไปแล้ว, David O. Selznick โปรดิวเซอร์มือทองตั้งใจจะสร้างหนังเรื่องใหม่ให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เขาจึงหมายมั่นจะสร้าง Duel In the Sun (1946) ให้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงถัดมา อย่างไรก็ตามผลลัพธ์กลับไม่สมใจปราถนา อาจจะเพราะหนังมีความล้ำมาก่อนกาล อีกทั้งช่วงถ่ายทำก็เป็นไปอย่างไม่ราบรื่น เพราะ Selznick ชอบเข้ามาก้าวก่ายควบคุมบงการ จน King Vidor ผู้กำกับทนไม่ไหวจึงขอโบกมือลา (Selznick ผลิตหนังเอง เป็นเจ้าเล็กไม่ใช่ขนาดค่ายสตูดิโอ) สุดท้ายได้ William Dieterle ผู้กำกับอีกคนมานั่งสานงานต่อซึ่งไม่ได้รับเครดิต แม้แต่ Selznick ก็มานั่งกำกับเองด้วย

หนังได้รับฉายยาว่า Lust in the Dust (ตัณหาในฝุ่นทราย) ไม่แปลกใจที่ต่างประเทศจะให้ฉายยาดังกล่าว เพราะเนื้อเรื่องนั้นเต็มไปด้วยตัณหาราคะสุดฉาว ไม่ว่าจะเป็นการคบชู้, การข่มขืน และการฆาตกรรม และต้นตอของปัญหาคือความใคร่ ทั้งนี้ Duel In the Sun ได้ถูกจัดอยู่ในประเภท Psychological westerns ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมอย่างมากในช่วง 40’s ลักษณะพิเศษของหนังประเภทนี้อยู่ที่ตัวละครหลักมีความลึก/ความซับซ้อนภายในจิตใจ ไม่ใช่ฮีโร่แบบแบนๆที่ไล่ล่าตามฝันหรือต่อสู้กับผู้ร้ายแบบในหนังคาวบอยเกรดบียุค 20’s-30’s รวมถึง Psychological westerns จะมีกลิ่นอายของความเป็น’นัวร์’เข้ามาผสมด้วย ซึ่งมีการท้าทายเล่นกับจิตใจด้านมืดของมนุษย์ ตัวอย่างหนังแนวนี้ เช่น Shane (1953), และ The Searcher (1956) เป็นต้น ภายใน Duel In the Sun, ตัวละคร Pearl นางเอกของเรื่องตั้งใจจะเป็นหญิงที่ดีตามจารีตครรลองโดยการเลือกรักคนดีอย่าง Jesse พี่ชายคนโต แต่อีกทางกับหลงไหล Lewt น้องชายแบดบอยขั้วตรงข้าม เธอถูกด้านมืดด้านสว่างเข้ามาท้าทายว่าจะเลือกสู่เส้นทางไหนดี นอกเหนือจากที่ Pearl จะโดนท้าทายแล้ว คนดูเองก็น่าจะโดนด้วยหรือเปล่า เพราะตัวเราเองก็รู้สึกหลงไหลในความรักที่บิดเบี้ยวของเธอและ Lewt มันมีความเซ็กซี่น่าสนใจมากกว่าคู่อื่นในเรื่อง

Duel In the Sun ได้แอบแฝงค่านิยมผู้หญิงหลังช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไว้อย่างแยบยล เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงดังกล่าว, เหล่าบุรุษหลังรับใช้ชาติเสร็จก็ได้กลับมาทำงานตามเดิม ส่งผลให้บรรดาผู้หญิงที่เคยเป็นกำลังสำคัญในฐานะคนทำงานถูกลดบทบาทลง มีการใช้โฆษณาชวนเชื่อที่ย้ำแนวคิดเรื่องผู้หญิงควรจะเป็นแม่บ้านกลับเข้ามา แต่ก็มีผู้หญิงที่รักอิสระจำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วยและไม่พอใจกับแนวคิดดังกล่าว พวกเธอถูกสังคมมองว่าแปลกแยก ทั้งนี้ก็คงไม่ต่างกับตัวละคร Pearl ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนอกรีต ถึงแม้ว่าจะมีเชื้อคนขาว แต่ก็ขาวไม่พอที่จะถูกยอมรับในฐานะมนุษย์จาก Lewt และท่านส.ว.ผู้เป็นพ่อ เธอกลายมาเป็นสัตว์ป่าสวยงามดุร้ายที่ถูกฝึกของ Lewt นอกจากนี้ค่านิยมหญิงคนขาวจะต้องใส่เสื้อปิดมิดชิด แต่การแต่งตัวของนางเอกนั้นเปิดเผยให้เห็นทรวงอกยิ่งตอกย้ำว่าเธอคือคนนอกรีต (คล้ายๆกับ Rita Hayworth ที่รับบทสาวยิปซีใน The Love of Carmen) เธอจึงถูกควบคุมโดย Lewt รักร้ายของเธอ เหตุการณ์ดังกล่าวมีความคล้ายกับโลกหลังสงครามที่ผู้หญิงถูกสังคมที่ชายเป็นใหญ่ชี้นำว่าควรจะวางตัวอย่างไร สุดท้ายแล้วอนาคตไม่เคยหยุดอยู่กับที่ เช่นเดียวกับผู้หญิงที่ไม่มีวันจำนนต่อกฏเกณฑ์เดิม และ Pearl เองก็เป็นคนชนะในเกมรักเกมร้ายในท้ายที่สุด

เรื่องของการแสดงทุกคนทำผลงานได้น่าประทับใจ โดยเฉพาะ Gregory Peck ที่เล่นเป็นคนเลวที่ฮอทเกินต้าน เจ้าตัวเองยังบอกว่าเป็นบทที่เขาชอบที่สุดในงานแสดง อาจเพราะได้ปลดปล่อยหรือได้ลองอะไรใหม่ๆ เนื่องจากเขามักได้รับแต่บทคนดี ด้าน Joseph Cotten ผู้ไม่ได้เต็มใจอยากแสดงเรื่องนี้ แต่กลับทำผลงานได้น่าประทับใจ บางคนอาจจะหงุดหงิดที่เห็นเขามารับบทคนดี ซึ่งจริงๆ น่าจะสลับบทกับ Peck แต่เราชอบเขาในบทบาทนี้นะดูนุ่มนวลละมุน ด้าน Lionel Barrymore รับบทพ่อ/หัวหน้าตระกูล เป็นตัวละครที่แก่กระโหลกกะลา เป็นคนสร้างปีศาจด้วยมือตัวเอง เรื่องนี้นักแสดงรุ่นใหญ่ทำให้เรารู้สึกเกลียดตัวละครที่เขาเล่นได้จริงๆ Lillian Gish นักแสดงรุ่นใหญ่อีกคน รับบทแม่ของบ้าน เธอมีความอ่อนหวานน่ารักใจดี เรียกได้ว่าออกมาน้อยแต่ลืมไม่ลง คนสุดท้าย, Jennifer Jones รับบท Pearl ตัวละครหลักของเรื่อง เธอถูกเสียงส่วนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ว่าเล่นใหญ่เกินเบอร์ แต่เราไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ เนื่องจากหนังไม่ได้ต้องการโชว์ความจริงอยู่แล้ว จุดประสงค์ของหนังคือเน้นดราม่าเข้มข้นกึ่งเซอร์เรียล การเล่นใหญ่ของ Jen จึงช่วยส่งผลให้ตัวละครของเธอได้โชว์สิ่งที่ซ่อนเร้นภายใต้จิตใจออกมาแก่คนดู

โดยรวม Duel In the Sun (1946) เป็นหนังที่ไม่ได้มีความสมจริง เหมือนเป็นละครฉากใหญ่เรื่องหนึ่งเสียมากกว่า ถ้าใครเป็นแฟนหนัง Gregory Peck หรือคลั่งไคล้นักชายหน้าหล่อคนนี้ แนะนำเลยจริงๆ เพราะมันคือหนังเรื่องเดียวที่เขาเล่นบทเลวได้ขยี้ใจสุดๆ และมันน่าตลกตรงที่ช่วงเวลาถ่ายทำหนังเรื่องนี้เจ้าตัวก็กำลังถ่ายทำ The Yearling อยู่ด้วย ซึ่งบทบาทที่ได้รับเป็นคุณพ่อแสนอบอุ่น ตัดกันสลับขั้วกับบทแบดบอยในเรื่องนี้ สามารถรับชมหนังได้ในยูทูปเลยค่ะ

____________________________________

ขอบคุณที่อ่านและติดตามค่ะ
Classic Reviewer


นักแสดง

ใส่ความเห็น