เรื่องที่ 1 : แบรนโด้สมัยเล่นละครเวที
เหล่าคนในวงการฮอลลิวู้ดที่ได้ร่วมงานกับมาร์ลอน แบรนโดต่างรู้ดีกันว่าเขาเป็นไอ้ตัวแสบ! ซึ่งหลายคนที่ได้ร่วมงานด้วยต่างรู้สึกเอือมระอากับพฤติกรรมของเขา ถึงกระนั้นก็มิอาจปฏิเสธในความอัจฉริยะทางการแสดงของพ่อหนุ่มคนนี้ หนึ่งในพฤติกรรมสุดระอาเกิดขึ้นในสมัยที่แบรนโด้ยังเป็นนักแสดงบรอดเวย์หน้าใหม่ในเรื่อง The Eagle has Two Heads ( L’Aigle à deux têtes) 1946 โดยเขาได้รับบทนำร่วมกับทัลลูลาห์ แบ๊งค์เฮด (นักแสดงนำจาก Lifeboat ของ ฮิตช์ค็อก)
![](https://classicreviewer.wordpress.com/wp-content/uploads/2021/10/2021_10_brando-bankhead-1.jpg?w=723)
ระหว่างช่วงการซักซ้อมแบรนโด้หาเรื่องปวดหัว น่ารำคาญใจให้คนอื่นไม่เว้นแต่ละวัน โดยมันมักจะเกิดขึ้นในฉากหนึ่งที่ทัลลูลาห์มีบทพูดคนเดียวที่ยาวมากๆ น่าจะราวครึ่งชั่วโมงได้ ซึ่งนั่นทำให้นักแสดงชายรู้สึกเบื่อจนทนไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงแสดงพฤติกรรมบ้าๆบอๆเพื่อขโมยซีนเจ้าหล่อน ไม่ว่าจะเป็นปลดเข้าปลดออกกระดุมกางเกงไปมา (กางเกงแบบใช้กระดุมแทนซิป) ทำท่าชักดิ้นชักงอ แคะขี้มูก มองตาถลึงใส่คนดู วิ้งตาใส่สต๊าฟข้างเวที มีอยู่คืนหนึ่งเอามือล้วงไปเกาตูดแบบแรงๆ เหมือนมีอะไรติดอยู่ในซอกรูก้น (ตามคำบรรยายของโปรดิวเซอร์ Jack Wilson) แต่ที่กล่าวมานี้ยังไม่หมด เขาเคยยืนหันหลังให้กับคนดูจากนั้นถ่างขาออกและปัสสาวะบนเวที! ทัลลูลาห์ผู้น่าสงสารไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหล่อนงงว่าทำไมคนดูต่างพากันขำระหว่างที่เธอกำลังพูด
ระหว่างการแสดงครั้งสุดท้ายของนักแสดงตัวแสบผู้นี้ มีฉากที่ตัวละครของเขาต้องตาย แบรนโด้ถือโอกาสขโมยซีนคนอื่น เล่นใหญ่เว่อร์วัง ขยายฉากการตายที่นานเกินความจำเป็น ถึงขนาดที่นักวิจารณ์ออกมาแซะว่า โวยวายเหมือนคนที่จอดรถแถวย่านใจกลางเมือง Manhattan ไม่ได้
![](https://classicreviewer.wordpress.com/wp-content/uploads/2021/10/2021_10_brando-bankhead-2.jpg?w=723)
ทัลลูลาห์สุดทนจะรับมือพฤติกรรมแย่ๆของแบรนโด้ไหว และไล่ไอ้เด็กหนุ่มตัวแสบนี่ออกก่อนจะขึ้นแสดงจริงในเวลาอีกไม่นาน แต่กระนั้นโชคเข้าข้างเขาเต็มๆ เมื่อต่อมาเขาได้รับบท Stanley Kowalski จากเรื่อง A Streetcar Named Desire กลายเป็นแจ้งเกิดแบบเต็มตัว (Tennessee Williams ผู้เขียนบท ออกมาบอกว่าทัลลูลาห์เองอ่ะแหละเป็นคนกระซิบบอกว่าลองเอาไอ้เด็กนี่ไปเล่นดู ถึงจะเกลียดก็เหอะ แต่บทนี่เกิดมาเพื่อมันเลย ซึ่งนั่นก็ทำให้เขารับฟังไปพิจารณา)
มาร์ลอน แบรนโด้เป็นนักแสดงประเภท method actor (นักแสดงอยู่ในบทบาทตัวละครตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวันที่อยู่นอกจอ) แต่วงการบรอดเวย์นั้นเกลียดนักแสดงประเภทนี้มาก อย่างไรก็ตามแม้ทัลลูลาห์จะดูถูกแบรนโด้ แต่เจ้าหล่อนก็เห็นความสามารถของเขา จึงตกลงรับมาตอนออดิชั่น และสุดท้ายแม้ว่านักแสดงชายจะโดนไล่ออก ตัวของทัลลูลาห์เองก็เคยเอ่ยปากชมแบบกัดๆทำนองว่า มันก็มีบางเวลาที่เขาทำได้เยี่ยมมาก ไอ้เด็กคนนี้มักจะเปรี้ยงสุดๆเวลามันตั้งใจจริงๆ แต่ปกติเวลาอยู่บนเวทีก็ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่นักหรอก
อีกฟากส่วนหนึ่งที่แบรนโด้ไม่ค่อยโอเคกับทัลลูลาห์และแกล้งขโมยซีนเจ้าหล่อน อาจจะเป็นเพราะเธอเหมือนแม่ของเขา อายุใกล้เคียงกันแถมยังติดสุราเหมือนกันอีก เมื่อเจอกันครั้งแรกก็เคยจะล่อเขาขนาดกำลังเมาอยู่ นั่นอาจจะทำให้แบรนโด้แขยงและทำพฤติกรรมแย่ๆนี่ออกมา
เรื่องที่ 2 : แบรนโด้โชว์ปาฏิหาริย์
แบรนโด้รับบทเป็นทหารอัมพาตใน The Men (1950) เจ้าตัวเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลทหารผ่านศึกอยู่หลายอาทิตย์ โดยการนั่งอยู่บนรถเข็นคนพิการ และกลายเป็นเพื่อนกับเหล่าทหารผ่านศึกที่เป็นอัมพาตของจริงอีกด้วย
วันหนึ่งระหว่างที่แบรนโด้และเพื่อนทหารออกไปดื่มเบียร์ พูดคุยสังสรรค์อยู่นั้นก็มีแม่ชีเดินเข้ามาหาแล้วกล่าวว่า “สุภาพบุรุษทั้งหลาย ฉันอยากให้พวกคุณยึดมั่นในพลังแห่งความศรัทธาและความดี ถ้าคุณภาวนาสวดมนต์และเชื่อมั่นว่าคุณจะสามารถเดินได้ วันหนึ่งคุณจะลุกออกจากเก้าอี้ได้”
แบรนโด้ตอบกลับไปว่า “โอเค ผมจะลองดูครับ” แล้วหลับตาลงและพูดต่อว่า “ผมเชื่อ, ผมสวดภาวนา………..โอ้พระเจ้าาาาาาาาาาาา นี่มันปาฏิหาริย์จริงๆ ผมหายแล้วววววววววว” พร้อมทั้งลุกขึ้นแล้ววิ่งหายออกไปเลย ซึ่งนั่นทำให้แม่ชีตกใจขีดสุดแล้วก็เป็นลมล้มพับไปเลย เพื่อนทหารที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันหัวเราะในความแสบของนักแสดงชาย
![](https://i0.wp.com/images6.fanpop.com/image/photos/32400000/The-Men-marlon-brando-32417879-500-437.jpg)
เรื่องที่ 3 : มาร์ลอน แบรนโด vs. แฟรงก์ ซินาตรา
เมื่อมาร์ลอน แบรนโดและแฟรงก์ ซินาตราร่วมงานกันในภาพยนตร์ Guys and Dolls (1955) ทั้งคู่ไม่ลงรอยกันเท่าไหร่ ซินาตราไม่ชอบความเป็น method acting ซึ่งเขามักจะเรียกพาดพิงจิกกัดแบรนโด้ว่า “ไอ้พึมพำ” ฝั่งของนักแสดงชายตัวแสบอยากจะเอาคืนบ้าง โดยเจ้าตัวรู้ว่าซินาตรานั้นไม่ชอบซ้อมบทและไม่ชอบถูกรีเทคหลายๆครั้ง แบรนโด้จึงใช้วิธีดังกล่าวเล่นงานคืน อย่างเช่นฉากหนึ่งที่ตัวละครของซินาตราต้องกินชีสเค้กในขณะที่ตัวละครของเขาเองกำลังพูด แบรนโด้จึงแกล้งพูดผิดในช่วงท้ายของบทพูด ซึ่งทำให้อีกฝ่ายต้องกินชีสเค้กหั่นใหม่ทุกชิ้นทุกครั้งที่รีเทค จนซินาตราทนไม่ไหวและตวาดออกมาว่า “ไอ้พวกนักแสดงนิวยอร์ก มึงคิดว่ากูกินชีสเค้กได้ซักกี่ชิ้นวะ?”
![](https://pbs.twimg.com/media/DdgOfQRW0AAcVY7.jpg)
เรื่องที่ 4 : แบรนโด้ นักรักของแฟนสาว, รีตา มอเรโน
รีตา มอเรโนเคยให้สัมภาษณ์ในรายการ The Wendy Williams Show ว่าเธอคบๆเลิกๆกับแบรนโด้เป็นเวลา 8 ปีซึ่งเธอทั้งรักและหลงไหลในตัวนักแสดงชายเป็นอย่างมาก โดยได้กล่าวว่า “แบรนโด้คือนักล่าชั้นเยี่ยม คือราชาของทุกสิ่ง ฉันหมายถึง’ทุกสิ่ง’ เขาคือหนึ่งในสุดยอดบรรดาผู้ชายที่มีแรงดึงดูดทางเพศบนโลกใบนี้” นักแสดงหญิงจาก West Side Story นั้นอยากแต่งงานกับเขา แต่ตัวฝ่ายชายกลับไม่เคยมีท่าทีอยากจะสร้างครอบครัวเลย อีกทั้งช่วงคบหากันรีต้าก็โดนแบรนโด้นอกใจอยู่หลายหน
![](https://media.vanityfair.com/photos/5901fcde2efecd23d0f29d62/5:3/w_1440,h_864,c_limit/Rita-Morena-Brando-Elvis.jpg)
วันหนึ่งเธอไปเจอชุดชั้นในที่ไม่ใช่ของตัวเอง รีต้ากลับบ้านไปนั่งเศร้าปาดน้ำตา แต่วันต่อมาเหมือนโลกพลิกกลับด้านเมื่อเธอได้รับโทรศัพท์ชวนออกเดทจากเอลวิช เพรสลีย์ รีต้าที่กำลังเศร้าอยู่เห็นภาพชุดชั้นในที่เจอเมื่อวานจึงตอบรับคำเชิญ จากนั้นสื่อต่างๆตีข่าวของคนทั้งคู่ นั่นทำให้แบรนโด้ที่รู้เข้าโมโหมากจนถึงขั้นปาเก้าอี้ ซึ่งนั้นทำให้รีต้ารู้สึกสะใจที่ได้เอาคืนแฟนหนุ่ม
ในระหว่างรายการดังกล่าว รีต้ายังถูกถามอีกว่าระหว่างหนุ่มคนไหนที่ทำให้เจ้าหล่อนรู้สึกประทับใจมากกว่ากัน แบรนโด้ หรือ เอลวิช ? รีต้าตอบแบบไม่ลังเลเลยว่า เหมือนเด็กน้อยกับราชา เอลวิชไม่ค่อยเวิคเท่าไหร่นะ คือเขาก็น่ารักแหละ หล่อและขี้อาย แต่แบบเอลวิชกับแบรนโด้อ่ะ เฮ้ยเหมือนค้างคืนกับเด็กอ่อนหัด (amateur night)
![](https://media.vanityfair.com/photos/58e67d65a1ca8368cbff731a/master/pass/rita-moreno-marlon-brando-lust-love.jpg)
รีต้าเจอแบรนโด้ครั้งแรกราวปี 1955 โดยเธอบรรยายว่า ตอนนั้นร่างกายเธอรู้สึกเร่าร้อนมาก รู้สึกคลั่งไคล้เขาอย่างหนัก ส่วนฝ่ายชายเองก็ชอบเธอตรงที่สามารถอ่านใจเขาได้ (รีต้าบอกว่า “ฉันอ่านใจเขาได้หมดล่ะ ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องมีผู้หญิงอื่น”) แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นมันค่อนข้างป่วย เนื่องจากฝ่ายชายชอบนอกใจเธออยู่หลายต่อหลายครั้ง รีต้าเคยพยายามฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหารัก ซึ่งเจ้าหล่อนรู้สึกละอายต่อความสัมพันธ์ป่วยๆแบบนี้ รีต้าเปรียบแบรนโด้คือยาเสพติด ส่วนเธอก็ติดยาตัวนี้รุนแรงมาก ไม่สามารถก้าวออกมาจากวังวนนี้ได้ และถึงเคยออกมาแล้วก็จะกลับไปวนลูปใหม่ แบบถ้าเธอไม่กลับเอง เขาก็จะตามเธอกลับมา รีต้ากล่าวเพิ่มเติมว่าที่แบรนโด้เป็นแบบนี้เนื่องจากเขามีปัญหาครอบครัว สุดท้ายเธอและเขาได้รับคำแนะนำจากนักจิตบำบัดว่าต้องแยก ไม่เจอกันคือทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายพวกเขาต่างออกไปมีชีวิตใหม่ซึ่งต่างก็เจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่