Greta Garbo – เกรต้า การ์โบ 


Greta Garbo คือนักแสดงหญิงที่มาจากดินแดนไวกิ้ง เธอคือนักแสดงตัวท็อปของค่าย MGM และวงการฮอลลิวู้ด ผู้มีทั้งความสวย ความสามารถและมีสเน่ห์ลึกลับ


เกรต้า การ์โบเกิดที่กรุง Stockholm โดยเป็นบุตรคนเล็กสุดในบรรดาสามพี่น้องในครอบครัวชนชั้นแรงงาน ซึ่งฐานะที่บ้านค่อนข้างจะลำบาก ในวัยเด็กเธอเป็นเด็กสาวช่างฝัน และความฝันของเธอคือการเป็นนักแสดง! เมื่ออายุ 13 ปี Greta ดรอปเรียนเพื่อมาดูแลบิดาที่ป่วยหนัก และก็คงไม่แปลกอันใดนักในเมื่อเหล่าเด็กสาวที่ฐานะยากจนและอายุไล่เลี่ยกันกับเธอต่างก็เลิกเรียนหนังสือเพื่อออกมาทำมาหากิน Greta ใช้เวลาดูแลพ่อราวๆเกือบสองปีจนเขาจากไปด้วยอาการไตวาย

หลังจากนั้น Greta เริ่มต้นทำงาน เริ่มจากการเป็นพนักงานสาวในร้านบาร์เบอร์ โดยทำหน้าที่เอาฟองสบู่มาป้ายบนหน้าลูกค้า ก่อนโกนหนวด, พนักงานขายของในห้าง, นางแบบภาพและโฆษณา และต่อมาด้วยความที่ว่าเธอนั้นมีความธรรมชาติเมื่ออยู่หน้ากล้อง ทำให้เธอได้รับโอกาสเป็นตัวประกอบเล็กๆ ในหนังตลกสั้นเมื่อปี 1922 หลังจากนั้นในปีเดียวกันเธอได้รับทุนเรียนการแสดงที่ Royal Dramatic Theatre’s Acting School

ระหว่างเรียนการแสดงอยู่นั้น Greta ได้เจอกับ Mauritz Stiller ผู้กำกับหนังเงียบ เขาชักชวนเธอมาเล่นหนังในเรื่อง The Legend of Gosta Berling (1924) ซึ่งหนังประสบความสำเร็จทั้งในสวีเดนเองและที่เยอรมัน จากนั้น Greta ได้กลายมาเป็นนักแสดงในสังกัดของ Mauritz รวมถึงเป็นศิษย์เอกของเขาอีกด้วย ต่อมาเธอได้แสดงหนังเรื่อง Streets of Sorrow (1925) ซึ่งนั่นทำให้ชื่อเสียงของเธอโด่งดังทั่วยุโรป และงานหนังชิ้นนี้ก็ไปเตะตา Louis B. Mayer นายใหญ่ MGM ซึ่งสนใจดึงตัวเธอและ Mauritz มาร่วมงาน

Greta ในวัย 19 ปี ได้เดินทางมาถึงสหรัฐอเมริกาแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ได้ราบรื่นแต่อย่างใด ด้วยความที่ว่า Greta พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ทำให้ยากต่อการทำงานในอเมริกา ทางค่ายจึงต้องพาเธอไปเรียนภาษาก่อนถึงจะเริ่มงานได้ อีกทั้งเจ้าหล่อนนั้นมีโลกส่วนตัวสูง และไม่ชอบให้พวกสื่อมายุ่งเรื่องส่วนตัว เมื่อครั้งแรกที่เธอให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเกี่ยวกับตนเอง เธอตอบอย่างห้วนๆว่า “ตั้งแต่เกิดมา ฉันก็มีแม่และพ่อ ฉันไปโรงเรียน แล้วมันแปลกตรงไหน?” ซึ่งกว่าเธอจะส่งผลงานโชว์ฝีม้ายลายมือจริงๆ ก็ปีถัดมาในเรื่อง The Torrent (1926) จากนั้นก็เริ่มมีผลงานอื่นออกมาเรื่อยๆ และเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

อย่างไรเสียคนที่นำเธอมาสู่เส้นทางดวงดาว ท้ายที่สุดกลับไม่ได้มากับเธอ หลังจากที่ Greta เล่นหนังสัญชาติอเมริกันเรื่องแรกเสร็จ เจ้าหล่อนก็จะได้ร่วมงานกับ Mauritz ผู้กำกับคู่บุญของเธอในเรื่องถัดมาอยู่แล้วเชียว แต่ทุกอย่างต้องจบลง เมื่อ Mauritz มีปัญหาไม่ลงรอยกับหนึ่งในผู้บริหารของค่าย เนื่องจากเขาไม่เข้าใจระบบงานในสตูดิโอ สื่อสารภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยได้ และปัญหาเริ่มเกิดซ้ำไปซ้ำมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เขาถูกเด้งออกจากงาน แต่ยังโชคดีที่เขานั้น ได้งานใหม่อย่างไวที่ Paramount แต่แล้วก็วนกับมาที่ลูปเดิม เขามีปัญหากับนายจ้างอีกเหมือนเคย ท้ายที่สุดเขาย้ายกลับสวีเดนและเสียชีวิตลงในปีถัดไป

Greta เฉิดฉายในวงการหนังเงียบและต่อมาเป็นหนังพูด ผลงานที่โดดเด่นของเธอ อาทิ Flesh and the Devil (1926), A Woman of Affairs (1928), Grand Hotel (1932), Anna Karenina (1935), Camille (1936), และ Ninotchka (1939)- Greta Garbo ในวัย 35 ปีได้ลาออกจากวงการฮอลลิวู้ดอย่างถาวร แถมปฏิเสธทุกคำชักชวนในการกลับเข้าสู่จอเงิน เจ้าหล่อนเลือกใช้ชีวิตเงียบๆ เป็นส่วนตัวอยู่ที่ New York City และชอบสะสมงานศิลปะต่างๆ


รีวิวหนังของ Greta Garbo


Greta Garbo ในบทความต่างๆ