Katharine Hepburn – แคทารีน เฮปเบิร์น


Katharine Hepburn นักแสดงหญิงที่มีความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองสูงมาก เธอพูดจาตรงไปตรงมา กล้าแสดงออก มีชีวิตชีวาสนุกสนาน เพิ่มเติมด้วยลุคของสาวลุยๆคล้ายนักกีฬา Kath กล้าฉีกกรอบจารีตประเพณีเครื่องแต่งกาย โดยมักใส่กางเกงขายาวในยุคที่เรื่องเพศยังไม่เปิดกว้าง


Katharine Hepburn เติบโตในครอบครัวฐานะร่ำรวย มีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีและสนิทกับสมาชิกในครอบครัวตั้งแต่เด็กจนโต สมัยเธอเป็นเด็ก เธอมีนิสัยห้าวๆ ทำตัวเป็นทอมบอย ตัดผมสั้นและเรียกตัวเองว่าจิมมี่ พ่อของเธอมักอยากให้ลูกๆใช้เวลาบริหารสมองและร่างกายอย่างเต็มที่โดยการพาเธอและพี่น้องไปเล่นกีฬาหลายประเภท แต่แคทดูจะชอบเล่นกอล์ฟมากที่สุดและเกือบชนะรายการแข่งขันกอล์ฟเยาวชนหญิงระดับรัฐด้วย

แคทชอบดูหนังมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เธอมักจะไปดูหนังทุกคืนวันเสาร์ นอกจากนี้เธอกับผองเพื่อนเคยจัดการแสดงโชว์ของตัวเองขึ้นมาโดยตั้งค่าตั๋วอยู่ที่ 50 เซนต์ รายได้นำไปช่วยเหลือชาวนาวาโจ (Navajo – ชนเผ่าพื้นเมืองที่มีพื้นเพอยู่แถบฝั่งตะวันตกตอนใต้ของสหรัฐ) เมื่อเข้ามหาลัยแคทเรียนการแสดงควบคู่ขณะกำลังศึกษาอยู่ในวิทยาลัย และต่อมาเธอได้เริ่มเล่นบรอดเวย์ในราวปี 1928-1932 ผลงานของเธอ The Warrior’s Husband ดันไปเตะตาฮอลลิวู้ดเอเจนท์จึงชักชวนเธอเข้าสู่วงการจอเงินในหนังเรื่อง A Bill of Divorcement กำกับโดย George Cukor ผู้ซึ่งภายหลังทำงานร่วมกับเธออีกกว่าสิบเรื่องเรียกได้ว่าเธอนั้นเป็นนักแสดงคนโปรดของ Cukor เลยก็ว่าได้ หนังดังกล่าวประสบความสำเร็จแคทขึ้นมามีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว ผลงานหนังเรื่องที่สองของเธอไม่สบความสำเร็จ แต่คำวิจารณ์เรื่องการแสดงของเธอไปในทิศทางบวก พอเข้าเรื่องที่สามใน Morning Glory (1933) นักแสดงหญิงคว้าออสการ์นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมมาครอบครองกลายเป็นสตาร์ใหญ่ขึ้นมาทันที แถมในปีเดียวกันก็มี Little Women (1933) ผลงานสร้างชื่อของเธออีกเรื่องด้วย

อย่างไรก็ตามมีขึ้นก็ต้องมีลงเพราะหลังจากนี้ผลงานของเจ้าตัวกลับตาลปัตรดิ่งลงเหวเกือบห้าปี จากนั้นในปี 1938 และ 40 เธอปล่อยผลงานรอมคอม Bringing Up Baby และ The Philadelphia Story ตามลำดับ โดยทั้งสองเรื่องมีนักแสดงชายขวัญใจมหาชนอย่าง Cary Grant และ James Stewarts พ่วงมาในเรื่องหลัง ทำให้เธอกลับมาฉายแสงอีกครั้ง ต่อมาเข้าช่วง 40’s เธอเซ็นสัญญากับ MGM, ซึ่งนั่นทำให้เธอได้ใกล้ชิดกับ Spencer Tracy ผู้เป็นทั้งคู่หูคู่รักยาวนานกว่า 25 ปี และมีผลงานด้วยกันถึง 9 เรื่อง อาทิ Woman of the Year (1942), Adam’s Rib (1949), และ Desk Set (1957)

Katharine เริ่มมาเล่นบทบาทที่ท้าทายขึ้นในช่วงชีวิตหลัง โดยเล่นตัวละครหลายๆแบบจากบทวรรณคดี เช่น The African Queen (1951) ร่วมกับ Humphrey Bogart ออสการ์สามเรื่องหลังของเธอจาก Guess Who’s Coming to Dinner (1967), The Lion in Winter (1968), และ On Golden Pond (1981) แคทกลายเป็นนักแสดงชั้นนำมากกว่า 6 ทศวรรษ และมีผลงานการแสดงที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นหนังคอมเมดี้แบบพ่อแง่แม่งอนจนไป ถึงดราม่าสุดๆ แคทได้รับออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมถึง 4 ครั้งมากกว่าใครๆ ในประวัติศาสตร์

ในช่วงปี 70’s Hepburn เริ่มหันมาเล่นละครทางโทรทัศน์เป็นหลัก เธอยังอยู่ในอาชีพนักแสดงนี้ต่อไปอีกจนเธออายุ 87 หรือในขณะปี 1994 เธอจึงค่อยลาออกจากวงการ อาการของเธอค่อยๆทรุดลงและเสียชีวิตอย่างสงบในปี 2003 ด้วยวัย 96 อย่างไรก็ตามในปี 1999 AFI หรือ the American Film Institute ยกตำแหน่งให้เธอเป็นหนึ่งในรายชื่อสุดยอดนักแสดงหญิงยุคทองแห่งฮอลลิวู้ดใน ลำดับที่ 1

หลายคนสงสัยว่า Katharine Hepburn เกี่ยวข้องอะไรกับ Audrey Hepburn หรือเปล่า คำตอบคือสองคนนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย ฝ่ายแคทเป็นนักแสดงชาวอเมริกัน ส่วนออเดรย์มาจากอังกฤษ


รีวิวหนังของ Katharine Hepburn


Katharine Hepburn ในบทความต่างๆ